ปรกติเมื่อมีอายุครรภ์ได้ 9 เดือนเต็ม หรือประมาณ 281 วันจะครบกำหนดคลอด แต่ก็จะมีคุณแม่ประมาณ 4% ที่จะคลอดก่อนกำหนดหรือคลอดหลังกำหนด ซึ่งอาจจะช้าหรือเร็วกว่ากำหนดประมาณ 10 วัน
การคลอดก่อนกำหนด หมายถึง การที่คุณแม่คลอดทารกออกมาตอนมีอายุครรภ์ไม่ถึง 40 สัปดาห์ซึ่งเด็กที่เกิดมาส่วนมากจะมีน้ำหนักน้อยกว่า 2500 กรัม
การคลอดเกินกำหนด หมายถึง การที่คุณแม่คลอดทารกออกมาช้ากว่ากำหนด เมื่อครรภ์มีอายุครบกำหนดคลอดมากกว่า 10 วัน
อาการผิดปกติของมารดาในระหว่างตั้งครรภ์ที่ควรมาพบแพทย์ทันที
1.มีเลือดออกจากช่องคลอด
เมื่อตั้งครรภ์ประมาณเดือนเศษ คุณแม่บางคนอาจจะมีเลือดออกมาทางช่องคลอดเพียงเล็กน้อย เพียงแค่วันสองวันก็จะเงียบหายไป เป็นเรื่องที่ปกติที่เรียกว่า “เลือดล้างหน้า? แต่ถ้าสามวันแล้วเลือดไม่ยอมหยุด แม้จะออกเพียงแค่กระปิดประปอยก็ตาม คุณแม่ก็ต้อง ไปพบแพทย์แล้ว เพื่อตรวจหาสาเหตุว่า เลือดนั้นออกมาจากตรงส่วนไหน หรือจากอะไรกันแน่ เป็นการตั้งครรภ์ไข่ฝ่อ คือไม่มีตัวเด็กหรือเปล่า หรือว่าเป็นอย่างอื่น เพราะการที่เลือดออกหลายๆ ครั้งในคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์นั้น มันเป็นเรื่องที่ผิดปกติอย่างแน่นอน
2.อาการปวดท้อง หรือเป็นตะคริว ซึ่งเพิ่มความปวดขึ้นเรื่อยๆ หรือมีอาการปวดมากกว่า 24 ชั่วโมง
3.มีน้ำเดิน (สิ่งขับถ่ายทางช่องคลอด)
บางครั้งที่น้ำเดินเกิดขึ้นห่างจากวันครบกำหนดคลอดมาก ลูกในครรภ์ก็ยังเล็กอยู่ เมื่อประสบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ว่าลูกจะครบกำหนดหรือไม่ ควรรีบไปหาหมอทันที หมอจะทำการตรวจภายในเพื่อดูว่าเยื่อหุ้มลูกแตกหรือไม่ หรือถ้ายังไม่ครบกำหนดคลอด แต่ถ้ามีอาการบ่งบอกมีการติดเชื้อขึ้นมาหมอก็ต้องยุติการตั้งครรภ์ ถึงแม้ยังไม่ครบกำหนดคลอด เพราะเด็กในครรภ์อาจจะติดเชื้อและเกิดอันตรายได้
4.มีไข้สูง ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง ให้รีบมาพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัย และรักษาต่อไป
5.ปวดศีรษะอย่างรุนแรง ทานยาแล้วไม่หาย หรือสายตาพร่ามัว
6.อาเจียน
อาการคลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะจะพบได้ 1 ใน 3 ของหญิงตั้งครรภ์ทั้งหมด มักจะเกิดระหว่างอายุครรภ์ 6-12 สัปดาห์ และจะหายไปเองภายหลังอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ แต่บางรายอาจเป็นนานกว่านั้นก็ได้ ถ้าอาการคลื่นไส้อาเจียนเป็นมาก และเป็นตลอดทั้งวัน จนกระทั่งร่างกายได้รับอาหารและน้ำไม่เพียงพอ ทำให้มีผลร้ายอื่นๆ ตามมาจนอาจเป็นอันตรายได้ ถ้าได้รับการช่วยเหลือและดูแลไม่ทัน
7.ทารกในครรภ์หยุดดิ้นหรือดิ้นน้อยลง
ถ้ามารดารู้สึกว่าทารกในครรภ์ดิ้นน้อยลงหรือลดลง เป็นสัญญาณอันตรายที่มารดาต้องรีบมาพบแพทย์โดยเร็ว เพื่อตรวจวินิจฉัยต่อไปว่าทารกในครรภ์มีสุขภาพเป็นอย่างไรและต้องให้การรักษาหรือไม่ ซึ่งการที่ทารกในครรภ์ดิ้นน้อยลงมักเกิดร่วมกับภาวะขาดออกซิเจนของทารกในครรภ์ และก่อนที่ทารกในครรภ์จะเสียชีวิต 12-48 ชั่วโมงจะพบว่ามารดาจะให้ประวัติว่าทารกดิ้นน้อยลงหรือหยุดดิ้น ดังนั้นการบันทึกหรือนับการดิ้นของทารกในครรภ์จะช่วยในการค้นหาหรือแก้ไขภาวะ ที่อาจทำให้ทารกในครรภ์เสียชีวิตได